TH/Prabhupada 1068 - มีกิจกรรมอยู่สามประเภท ตามความแตกต่างกันของคุณลักษณะของธรรมชาติ: Difference between revisions

(Created page with "<!-- BEGIN CATEGORY LIST --> Category:1080 Thai Pages with Videos Category:Prabhupada 1068 - in all Languages Category:TH-Quotes - 1966 Category:TH-Quotes - Lect...")
 
(Vanibot #0023: VideoLocalizer - changed YouTube player to show hard-coded subtitles version)
 
Line 8: Line 8:
[[Category:TH-Quotes - Introduction to Bhagavad-gita As It Is]]
[[Category:TH-Quotes - Introduction to Bhagavad-gita As It Is]]
[[Category:Introduction to Bhagavad-gita As It Is in all Languages]]
[[Category:Introduction to Bhagavad-gita As It Is in all Languages]]
[[Category:French Language]]
[[Category:Thai Language]]
<!-- END CATEGORY LIST -->
<!-- END CATEGORY LIST -->
<!-- BEGIN NAVIGATION BAR -- DO NOT EDIT OR REMOVE -->
{{1080 videos navigation - All Languages|Thai|TH/Prabhupada 1067 - พวกเราต้องยอมรับ ภัควัต-คีตา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงความหมาย และ ไม่มีการตัดทอนสิ่|1067|TH/Prabhupada 1069 - ศาสนาหมายถึงแนวคิดแห่งความศรัทธา ความศรัทธาอาจเปลี่ยนแปลงได้ สะนาทะนะ-ดารมา ไม่ส|1069}}
<!-- END NAVIGATION BAR -->
<!-- BEGIN ORIGINAL VANIQUOTES PAGE LINK-->
<!-- BEGIN ORIGINAL VANIQUOTES PAGE LINK-->
<div class="center">
<div class="center">
Line 18: Line 21:


<!-- BEGIN VIDEO LINK -->
<!-- BEGIN VIDEO LINK -->
{{youtube_right|46_GzvqGc7I|มีกิจกรรมอยู่สามประเภท ตามความแตกต่างกันของคุณลักษณะของธรรมชาติ<br />- Prabhupāda 1068}}
{{youtube_right|CR-diYzH-HA|มีกิจกรรมอยู่สามประเภท ตามความแตกต่างกันของคุณลักษณะของธรรมชาติ<br />- Prabhupāda 1068}}
<!-- END VIDEO LINK -->
<!-- END VIDEO LINK -->


<!-- BEGIN AUDIO LINK -->
<!-- BEGIN AUDIO LINK -->
<mp3player>File:660219BG-NEW_YORK_clip12.mp3</mp3player>
<mp3player>https://s3.amazonaws.com/vanipedia/clip/660219BG-NEW_YORK_clip12.mp3</mp3player>
<!-- END AUDIO LINK -->
<!-- END AUDIO LINK -->


Line 30: Line 33:


<!-- BEGIN TRANSLATED TEXT -->
<!-- BEGIN TRANSLATED TEXT -->
พระเจ้าทรงเป็น พูรนัม หรือ สมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีโอกาสเลยที่พระองค์จะทรงกลายมาตกอยู่ภายใต้กฎทั้งหลายของธรรมชาติวัตถุ ดังนั้นคนหนึ่งควรจะมีปัญญาพอที่จะรู้ว่ายกเว้นแต่พระเจ้าแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของของอะไรก็แล้วแต่ในจักรวาลนี้ นั่นได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา อฮัม สัรวัสยะ พระบาโว มัททะ สัรวัม พระวารทะเท อิทิ มัทวา บฮะจันเท มาม บุดฮา บฮาวะ-สะมันวิทา (ภัควัต-คีตา 10.8) พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างองค์ดั้งเดิม พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง บระฮมา (พระพรหม) , พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง... นั้นก็ได้อธิบายไว้แล้วด้วย พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างของบระฮมา ในบทที่ 11 เรียกพระเจ้าว่า ทรงเป็นเช่น พระพิทามะฮะ ([[Vanisource:BG 11.39|ภัควัต-คีตา11.39]]) เพราะว่า บระฮมา ทรงถูกเรียกว่า พิทามะฮะ พระอัยกา (คุณตา) และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้สร้างพระอัยกา(คุณตา)ด้วย ดังนั้น ไม่มีใครเลยที่ควรอ้างว่าเป็นเจ้าของสิ่งใด ๆ แต่เขาต้องยอมรับเอาเฉพาะสิ่งที่ได้จัดสรรไว้ให้สำหรับเขาโดยพระเจ้า ว่าเป็นส่วนแบ่งของเขา เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ ตอนนี้ มีตัวอย่างมากมายว่าพวกเราควรใช้ประโยชน์กับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ อย่างไร นั่นก็ได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ในตอนเริ่มต้นที่องค์อารจุนะทรงตัดสินใจว่าจะไม่รบ นี่เป็นการตัดสินใจของพระองค์เอง อารจุนะทรงตรัสต่อพระเจ้าว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับตัวท่านเองที่จะมาหาความสุขกับราชอาณาจักร หลังจากการสังหารสังคญาติของพระองค์เอง และจุดของการมองก็คือ โดยตรงที่พื้นฐานอยู่ที่ทางร่างกาย เพราะว่าพระองค์ทรงคิดแล้วว่าร่างกายนั้นเป็นพระองค์เอง และ ส่ิงที่สัมพันธ์กับร่างกายทั้งหลาย พี่ชาย น้องชายทั้งหลายของพระองค์ พ่อตา และ พระอัยกา(คุณตา) ของพระองค์ พวกเขาเป็นส่วนที่ขยายออกไปจากร่างกายของพระองค์ และท่านทรงคิดไปในทางนั้นเพื่อที่จะสนองความต้องการของร่างกายของพระองค์ และ ทั้งหมดได้ถูกตรัสขึ้นโดยพระเจ้า เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นเช่นนี้ และพระองค์ทรงเห็นด้วยที่จะทำงานภายใต้คำสั่งของพระเจ้า และ พระองค์ทรงตรัสว่า คะริสเย วะชะนัม ทะวะ ([[Vanisource:BG 18.73|ภัควัต-คีตา18.73]])  
พระเจ้าทรงเป็น พูรนัม หรือ สมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีโอกาสเลยที่พระองค์จะทรงกลายมาตกอยู่ภายใต้กฎทั้งหลายของธรรมชาติวัตถุ ดังนั้นคนหนึ่งควรจะมีปัญญาพอที่จะรู้ว่ายกเว้นแต่พระเจ้าแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของของอะไรก็แล้วแต่ในจักรวาลนี้ นั่นได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา อฮัม สัรวัสยะ พระบาโว มัททะ สัรวัม พระวารทะเท อิทิ มัทวา บฮะจันเท มาม บุดฮา บฮาวะ-สะมันวิทา (ภัควัต-คีตา 10.8) พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างองค์ดั้งเดิม พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง บระฮมา (พระพรหม) , พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง... นั้นก็ได้อธิบายไว้แล้วด้วย พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างของบระฮมา ในบทที่ 11 เรียกพระเจ้าว่า ทรงเป็นเช่น พระพิทามะฮะ ([[Vanisource:BG 11.39 (1972)|ภัควัต-คีตา11.39]]) เพราะว่า บระฮมา ทรงถูกเรียกว่า พิทามะฮะ พระอัยกา (คุณตา) และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้สร้างพระอัยกา(คุณตา)ด้วย ดังนั้น ไม่มีใครเลยที่ควรอ้างว่าเป็นเจ้าของสิ่งใด ๆ แต่เขาต้องยอมรับเอาเฉพาะสิ่งที่ได้จัดสรรไว้ให้สำหรับเขาโดยพระเจ้า ว่าเป็นส่วนแบ่งของเขา เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ ตอนนี้ มีตัวอย่างมากมายว่าพวกเราควรใช้ประโยชน์กับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ อย่างไร นั่นก็ได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ในตอนเริ่มต้นที่องค์อารจุนะทรงตัดสินใจว่าจะไม่รบ นี่เป็นการตัดสินใจของพระองค์เอง อารจุนะทรงตรัสต่อพระเจ้าว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับตัวท่านเองที่จะมาหาความสุขกับราชอาณาจักร หลังจากการสังหารสังคญาติของพระองค์เอง และจุดของการมองก็คือ โดยตรงที่พื้นฐานอยู่ที่ทางร่างกาย เพราะว่าพระองค์ทรงคิดแล้วว่าร่างกายนั้นเป็นพระองค์เอง และ ส่ิงที่สัมพันธ์กับร่างกายทั้งหลาย พี่ชาย น้องชายทั้งหลายของพระองค์ พ่อตา และ พระอัยกา(คุณตา) ของพระองค์ พวกเขาเป็นส่วนที่ขยายออกไปจากร่างกายของพระองค์ และท่านทรงคิดไปในทางนั้นเพื่อที่จะสนองความต้องการของร่างกายของพระองค์ และ ทั้งหมดได้ถูกตรัสขึ้นโดยพระเจ้า เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นเช่นนี้ และพระองค์ทรงเห็นด้วยที่จะทำงานภายใต้คำสั่งของพระเจ้า และ พระองค์ทรงตรัสว่า คะริสเย วะชะนัม ทะวะ ([[Vanisource:BG 18.73 (1972)|ภัควัต-คีตา18.73]])  


ฉะนั้นในโลกนี้มนุษย์ไม่ได้หมายไว้เพื่อ การมาทะเลาะกันเหมือน สุนัขทั้งหลาย และ แมวทั้งหลาย พวกเขาต้องมีปัญญาพอที่จะรู้แจ้งถึงความสำคัญของชีวิตมนุษย์ และปฎิเสธการกระทำตัวให้เหมือนกับสัตว์ธรรมดาทั่วไป เขาควรจะ... การเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งควรจะรู้แจ้งถึงเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ คำแนะนำนี้มีอยู่ในวรรณกรรมพระเวททั้งหมด และ สาระสำคัญ คือได้ให้ไว้ใน ภัควัต-คีตา วรรณกรรมพระเวทหมายไว้เพื่อมนุษย์ และ ไม่ใช่เพื่อ แมวทั้งหลาย และ สุนัขทั้งหลาย แมวและสุนัขทั้งหลายสามารถฆ่าสัตว์ทั้งหลายกินได้ และ นั้นไม่มีปัญหาเรื่องการทำบาปของพวกเขา แต่ถ้าคนหนึ่ง ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเพื่อสนองรสชาติที่ควบคุมไม่ได้ของเขา เขาจะต้องรับผิดชอบกับการที่กระทำผิดกฎของธรรมชาติ และในภัควัต-คีตา ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า นั่นมีกิจกรรมอยู่สามชนิด ตามคุณลักษณะทั้งหลายที่แตกต่างกันตามธรรมชาติ คือกิจกรรมทั้งหลายของความดี , กิจกรรมทั้งหลายของกิเลสตัณหา ,กิจกรรมทั้งหลายของอวิชชา ในทำนองเดียวกันก็มีอาหารอยู่สามชนิด เช่นกัน อาหารในความดี, อาหารบนกิเลสตัณหา, อาหารบนอวิชชา ทั้งหมดได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน และ ถ้าหากเราใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องกับคำสั่งสอนของ ภัควัต-คีตา แล้วชีวิตทั้งหมดของพวกเราจะกลายมาเป็นที่สะอาดบริสุทธิ์และในที่สุดพวกเราจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทาง ยัด กัทวา นะ นิวารทันเท ทัด ดฮามะ พะระมัม มะมะ ([[Vanisource:BG 15.6|ภัควัต-คีตา15.6]])  
ฉะนั้นในโลกนี้มนุษย์ไม่ได้หมายไว้เพื่อ การมาทะเลาะกันเหมือน สุนัขทั้งหลาย และ แมวทั้งหลาย พวกเขาต้องมีปัญญาพอที่จะรู้แจ้งถึงความสำคัญของชีวิตมนุษย์ และปฎิเสธการกระทำตัวให้เหมือนกับสัตว์ธรรมดาทั่วไป เขาควรจะ... การเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งควรจะรู้แจ้งถึงเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ คำแนะนำนี้มีอยู่ในวรรณกรรมพระเวททั้งหมด และ สาระสำคัญ คือได้ให้ไว้ใน ภัควัต-คีตา วรรณกรรมพระเวทหมายไว้เพื่อมนุษย์ และ ไม่ใช่เพื่อ แมวทั้งหลาย และ สุนัขทั้งหลาย แมวและสุนัขทั้งหลายสามารถฆ่าสัตว์ทั้งหลายกินได้ และ นั้นไม่มีปัญหาเรื่องการทำบาปของพวกเขา แต่ถ้าคนหนึ่ง ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเพื่อสนองรสชาติที่ควบคุมไม่ได้ของเขา เขาจะต้องรับผิดชอบกับการที่กระทำผิดกฎของธรรมชาติ และในภัควัต-คีตา ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า นั่นมีกิจกรรมอยู่สามชนิด ตามคุณลักษณะทั้งหลายที่แตกต่างกันตามธรรมชาติ คือกิจกรรมทั้งหลายของความดี , กิจกรรมทั้งหลายของกิเลสตัณหา ,กิจกรรมทั้งหลายของอวิชชา ในทำนองเดียวกันก็มีอาหารอยู่สามชนิด เช่นกัน อาหารในความดี, อาหารบนกิเลสตัณหา, อาหารบนอวิชชา ทั้งหมดได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน และ ถ้าหากเราใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องกับคำสั่งสอนของ ภัควัต-คีตา แล้วชีวิตทั้งหมดของพวกเราจะกลายมาเป็นที่สะอาดบริสุทธิ์และในที่สุดพวกเราจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทาง ยัด กัทวา นะ นิวารทันเท ทัด ดฮามะ พะระมัม มะมะ ([[Vanisource:BG 15.6 (1972)|ภัควัต-คีตา15.6]])  


ข้อมูลนั้นได้ให้ไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ว่าเหนือท้องฟ้าวัตถุนี้ขึ้นไป มีอีกหนึ่งท้องฟ้าทิพย์ ที่นั่นเรียกว่าท้องฟ้าสะนาทะนะ ในท้องฟ้านี้ ท้องฟ้าที่ถูกครอบคุมนี้ พวกเราพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราว มันมีการเกิดขึ้น เป็นอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง ให้พวกเรากำเนิดผลิตผล แล้วมันก็หดตัวลง และ สลายไป นั่นคือกฎของโลกวัตถุนี้ ไม่ว่าคุณจะนำร่างกายนี้, นำผลไม้ผลหนึ่ง หรือ อะไรก็ได้ที่ถูกสร้างขึ้นที่นี่ สุดท้ายมันจะถูกทำลายลง ดังนั้นเหนือโลกอันไม่ถาวรนี้ขึ้นไป ยังมีอีกโลกหนึ่งที่มีข่าวสารข้อมูลที่นั่น นั่่น พะรัส ทัสมาท ทู บฮาวะฮ อันยะฮ (ภัควัต-คีตา8.20) ที่นั่นมีธรรมชาติอีกอันหนึ่งที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ สะนาทะนะ ที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ และ จีวะ , จีวะ ได้ถูกอธิบายไว้ว่า คือ สะนาทะนะ มะมะอิวามโช จีวะ-บฮูทะฮ จีวะ-โลเค สะนาทะนะฮ ([[Vanisource:BG 15.7|ภัควัต-คีตา15.7]]) สะนาทะนะ, สะนาทะนะ แปลว่า นิจนิรันดร์ และพระเจ้าก็ทรงถูกอธิบายไว้ด้วยว่าคือ สะนาทะนะ ในบทที่ 11 ก็เพราะว่าพวกเราได้มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้า และพวกเราทั้งหมดมีคุณภาพเป็นหนึ่งเดียวคือ... สะนาทะนะ-ดฮะมะ และ สะนาทะนะ บุคลิกภาพสูงสุด และ สะนาทะนะ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พวกเขาอยู่บนระดับคุณภาพเดียวกัน ดังนั้นจุดมุ่งหมายทั้งหมดของภัควัต-คีตา คือ ที่จะฟื้นฟู สะนาทะนา อาชีพของพวกเรา หรือ สะนาทะนะ นั่นเรียกว่า สะนาทะนะ-ดารมา หรืออาชีพงานหลักของสิ่งมีชีวิต ตอนนนี้พวกเรามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างชั่วครั้งชั่วคราว และกิจกรรมทั้งหมดนี้ได้ทำให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว เมื่อพวกเรายกเลิกกิจกรรมชั่วคราวทั้งหลายนี้, สารวา-ดารมาน พะริทยัจยะ ([[Vanisource:BG 18.66|ภัควัต-คีตา18.66]]) และเมื่อพวกเรารับเอากิจกรรมทั้งหลายเช่นที่พระเจ้าสูงสุดทรงปราถนาแล้ว นั้นเรียกว่า ชีวิตสะอาดบริสุทธิ์ของพวกเรา  
ข้อมูลนั้นได้ให้ไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ว่าเหนือท้องฟ้าวัตถุนี้ขึ้นไป มีอีกหนึ่งท้องฟ้าทิพย์ ที่นั่นเรียกว่าท้องฟ้าสะนาทะนะ ในท้องฟ้านี้ ท้องฟ้าที่ถูกครอบคุมนี้ พวกเราพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราว มันมีการเกิดขึ้น เป็นอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง ให้พวกเรากำเนิดผลิตผล แล้วมันก็หดตัวลง และ สลายไป นั่นคือกฎของโลกวัตถุนี้ ไม่ว่าคุณจะนำร่างกายนี้, นำผลไม้ผลหนึ่ง หรือ อะไรก็ได้ที่ถูกสร้างขึ้นที่นี่ สุดท้ายมันจะถูกทำลายลง ดังนั้นเหนือโลกอันไม่ถาวรนี้ขึ้นไป ยังมีอีกโลกหนึ่งที่มีข่าวสารข้อมูลที่นั่น นั่่น พะรัส ทัสมาท ทู บฮาวะฮ อันยะฮ (ภัควัต-คีตา8.20) ที่นั่นมีธรรมชาติอีกอันหนึ่งที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ สะนาทะนะ ที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ และ จีวะ , จีวะ ได้ถูกอธิบายไว้ว่า คือ สะนาทะนะ มะมะอิวามโช จีวะ-บฮูทะฮ จีวะ-โลเค สะนาทะนะฮ ([[Vanisource:BG 15.7 (1972)|ภัควัต-คีตา15.7]]) สะนาทะนะ, สะนาทะนะ แปลว่า นิจนิรันดร์ และพระเจ้าก็ทรงถูกอธิบายไว้ด้วยว่าคือ สะนาทะนะ ในบทที่ 11 ก็เพราะว่าพวกเราได้มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้า และพวกเราทั้งหมดมีคุณภาพเป็นหนึ่งเดียวคือ... สะนาทะนะ-ดฮะมะ และ สะนาทะนะ บุคลิกภาพสูงสุด และ สะนาทะนะ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พวกเขาอยู่บนระดับคุณภาพเดียวกัน ดังนั้นจุดมุ่งหมายทั้งหมดของภัควัต-คีตา คือ ที่จะฟื้นฟู สะนาทะนา อาชีพของพวกเรา หรือ สะนาทะนะ นั่นเรียกว่า สะนาทะนะ-ดารมา หรืออาชีพงานหลักของสิ่งมีชีวิต ตอนนนี้พวกเรามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างชั่วครั้งชั่วคราว และกิจกรรมทั้งหมดนี้ได้ทำให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว เมื่อพวกเรายกเลิกกิจกรรมชั่วคราวทั้งหลายนี้, สารวา-ดารมาน พะริทยัจยะ ([[Vanisource:BG 18.66 (1972)|ภัควัต-คีตา18.66]]) และเมื่อพวกเรารับเอากิจกรรมทั้งหลายเช่นที่พระเจ้าสูงสุดทรงปราถนาแล้ว นั้นเรียกว่า ชีวิตสะอาดบริสุทธิ์ของพวกเรา  
<!-- END TRANSLATED TEXT -->
<!-- END TRANSLATED TEXT -->

Latest revision as of 20:58, 23 October 2018



660219-20 - Lecture BG Introduction - New York

พระเจ้าทรงเป็น พูรนัม หรือ สมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีโอกาสเลยที่พระองค์จะทรงกลายมาตกอยู่ภายใต้กฎทั้งหลายของธรรมชาติวัตถุ ดังนั้นคนหนึ่งควรจะมีปัญญาพอที่จะรู้ว่ายกเว้นแต่พระเจ้าแล้ว ไม่มีใครเป็นเจ้าของของอะไรก็แล้วแต่ในจักรวาลนี้ นั่นได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา อฮัม สัรวัสยะ พระบาโว มัททะ สัรวัม พระวารทะเท อิทิ มัทวา บฮะจันเท มาม บุดฮา บฮาวะ-สะมันวิทา (ภัควัต-คีตา 10.8) พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างองค์ดั้งเดิม พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง บระฮมา (พระพรหม) , พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง... นั้นก็ได้อธิบายไว้แล้วด้วย พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างของบระฮมา ในบทที่ 11 เรียกพระเจ้าว่า ทรงเป็นเช่น พระพิทามะฮะ (ภัควัต-คีตา11.39) เพราะว่า บระฮมา ทรงถูกเรียกว่า พิทามะฮะ พระอัยกา (คุณตา) และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้สร้างพระอัยกา(คุณตา)ด้วย ดังนั้น ไม่มีใครเลยที่ควรอ้างว่าเป็นเจ้าของสิ่งใด ๆ แต่เขาต้องยอมรับเอาเฉพาะสิ่งที่ได้จัดสรรไว้ให้สำหรับเขาโดยพระเจ้า ว่าเป็นส่วนแบ่งของเขา เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ ตอนนี้ มีตัวอย่างมากมายว่าพวกเราควรใช้ประโยชน์กับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ อย่างไร นั่นก็ได้อธิบายไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ในตอนเริ่มต้นที่องค์อารจุนะทรงตัดสินใจว่าจะไม่รบ นี่เป็นการตัดสินใจของพระองค์เอง อารจุนะทรงตรัสต่อพระเจ้าว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับตัวท่านเองที่จะมาหาความสุขกับราชอาณาจักร หลังจากการสังหารสังคญาติของพระองค์เอง และจุดของการมองก็คือ โดยตรงที่พื้นฐานอยู่ที่ทางร่างกาย เพราะว่าพระองค์ทรงคิดแล้วว่าร่างกายนั้นเป็นพระองค์เอง และ ส่ิงที่สัมพันธ์กับร่างกายทั้งหลาย พี่ชาย น้องชายทั้งหลายของพระองค์ พ่อตา และ พระอัยกา(คุณตา) ของพระองค์ พวกเขาเป็นส่วนที่ขยายออกไปจากร่างกายของพระองค์ และท่านทรงคิดไปในทางนั้นเพื่อที่จะสนองความต้องการของร่างกายของพระองค์ และ ทั้งหมดได้ถูกตรัสขึ้นโดยพระเจ้า เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นเช่นนี้ และพระองค์ทรงเห็นด้วยที่จะทำงานภายใต้คำสั่งของพระเจ้า และ พระองค์ทรงตรัสว่า คะริสเย วะชะนัม ทะวะ (ภัควัต-คีตา18.73)

ฉะนั้นในโลกนี้มนุษย์ไม่ได้หมายไว้เพื่อ การมาทะเลาะกันเหมือน สุนัขทั้งหลาย และ แมวทั้งหลาย พวกเขาต้องมีปัญญาพอที่จะรู้แจ้งถึงความสำคัญของชีวิตมนุษย์ และปฎิเสธการกระทำตัวให้เหมือนกับสัตว์ธรรมดาทั่วไป เขาควรจะ... การเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งควรจะรู้แจ้งถึงเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ คำแนะนำนี้มีอยู่ในวรรณกรรมพระเวททั้งหมด และ สาระสำคัญ คือได้ให้ไว้ใน ภัควัต-คีตา วรรณกรรมพระเวทหมายไว้เพื่อมนุษย์ และ ไม่ใช่เพื่อ แมวทั้งหลาย และ สุนัขทั้งหลาย แมวและสุนัขทั้งหลายสามารถฆ่าสัตว์ทั้งหลายกินได้ และ นั้นไม่มีปัญหาเรื่องการทำบาปของพวกเขา แต่ถ้าคนหนึ่ง ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเพื่อสนองรสชาติที่ควบคุมไม่ได้ของเขา เขาจะต้องรับผิดชอบกับการที่กระทำผิดกฎของธรรมชาติ และในภัควัต-คีตา ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า นั่นมีกิจกรรมอยู่สามชนิด ตามคุณลักษณะทั้งหลายที่แตกต่างกันตามธรรมชาติ คือกิจกรรมทั้งหลายของความดี , กิจกรรมทั้งหลายของกิเลสตัณหา ,กิจกรรมทั้งหลายของอวิชชา ในทำนองเดียวกันก็มีอาหารอยู่สามชนิด เช่นกัน อาหารในความดี, อาหารบนกิเลสตัณหา, อาหารบนอวิชชา ทั้งหมดได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน และ ถ้าหากเราใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องกับคำสั่งสอนของ ภัควัต-คีตา แล้วชีวิตทั้งหมดของพวกเราจะกลายมาเป็นที่สะอาดบริสุทธิ์และในที่สุดพวกเราจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทาง ยัด กัทวา นะ นิวารทันเท ทัด ดฮามะ พะระมัม มะมะ (ภัควัต-คีตา15.6)

ข้อมูลนั้นได้ให้ไว้แล้วใน ภัควัต-คีตา ว่าเหนือท้องฟ้าวัตถุนี้ขึ้นไป มีอีกหนึ่งท้องฟ้าทิพย์ ที่นั่นเรียกว่าท้องฟ้าสะนาทะนะ ในท้องฟ้านี้ ท้องฟ้าที่ถูกครอบคุมนี้ พวกเราพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราว มันมีการเกิดขึ้น เป็นอยู่ในระยะเวลาหนึ่ง ให้พวกเรากำเนิดผลิตผล แล้วมันก็หดตัวลง และ สลายไป นั่นคือกฎของโลกวัตถุนี้ ไม่ว่าคุณจะนำร่างกายนี้, นำผลไม้ผลหนึ่ง หรือ อะไรก็ได้ที่ถูกสร้างขึ้นที่นี่ สุดท้ายมันจะถูกทำลายลง ดังนั้นเหนือโลกอันไม่ถาวรนี้ขึ้นไป ยังมีอีกโลกหนึ่งที่มีข่าวสารข้อมูลที่นั่น นั่่น พะรัส ทัสมาท ทู บฮาวะฮ อันยะฮ (ภัควัต-คีตา8.20) ที่นั่นมีธรรมชาติอีกอันหนึ่งที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ สะนาทะนะ ที่ซึ่งเป็นนิรันดร์ และ จีวะ , จีวะ ได้ถูกอธิบายไว้ว่า คือ สะนาทะนะ มะมะอิวามโช จีวะ-บฮูทะฮ จีวะ-โลเค สะนาทะนะฮ (ภัควัต-คีตา15.7) สะนาทะนะ, สะนาทะนะ แปลว่า นิจนิรันดร์ และพระเจ้าก็ทรงถูกอธิบายไว้ด้วยว่าคือ สะนาทะนะ ในบทที่ 11 ก็เพราะว่าพวกเราได้มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้า และพวกเราทั้งหมดมีคุณภาพเป็นหนึ่งเดียวคือ... สะนาทะนะ-ดฮะมะ และ สะนาทะนะ บุคลิกภาพสูงสุด และ สะนาทะนะ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พวกเขาอยู่บนระดับคุณภาพเดียวกัน ดังนั้นจุดมุ่งหมายทั้งหมดของภัควัต-คีตา คือ ที่จะฟื้นฟู สะนาทะนา อาชีพของพวกเรา หรือ สะนาทะนะ นั่นเรียกว่า สะนาทะนะ-ดารมา หรืออาชีพงานหลักของสิ่งมีชีวิต ตอนนนี้พวกเรามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆอย่างชั่วครั้งชั่วคราว และกิจกรรมทั้งหมดนี้ได้ทำให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว เมื่อพวกเรายกเลิกกิจกรรมชั่วคราวทั้งหลายนี้, สารวา-ดารมาน พะริทยัจยะ (ภัควัต-คีตา18.66) และเมื่อพวกเรารับเอากิจกรรมทั้งหลายเช่นที่พระเจ้าสูงสุดทรงปราถนาแล้ว นั้นเรียกว่า ชีวิตสะอาดบริสุทธิ์ของพวกเรา